ประเทศไทยไม่ได้มีเพียงชื่อเสียงด้านชายหาด วัด และการท่องเที่ยวอีกต่อไป แต่กำลังพัฒนาสู่การเป็น ศูนย์กลางการค้าปลีกหรูหราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดึงดูดทั้งแบรนด์ระดับโลก นักลงทุนต่างชาติ และนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ห้างสรรพสินค้าหรู การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้ตลาดค้าปลีกหรูหราไทยก้าวสู่ยุคใหม่
ตลาดค้าปลีกหรูหราในประเทศไทยมีมูลค่ามากกว่า 140,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 5–7% ต่อปีจนถึงปี 2028 ประเทศไทยติดอันดับหนึ่งในสิบตลาดหรูที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก
นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าล้านคนเดินทางกลับมา โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงจากจีน ตะวันออกกลาง และยุโรป การช้อปปิ้งสินค้าหรูเป็นกิจกรรมสำคัญที่มาคู่กับการท่องเที่ยว
ชนชั้นกลางระดับบนและกลุ่มมั่งคั่งในไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าแฟชั่น นาฬิกา และเครื่องประดับหรูมีมากขึ้น
ห้างอย่าง ไอคอนสยาม สยามพารากอน เซ็นทรัลเอ็มบาสซี และเอ็มควอเทียร์ ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นหนึ่งในเมืองหลวงแห่งการช้อปปิ้งหรูในเอเชีย
แบรนด์ดัง เช่น Louis Vuitton, Chanel, Dior และ Rolex ต่างเปิดแฟล็กชิพสโตร์และขยายสาขาในประเทศไทยต่อเนื่อง
เมื่อเทียบกับสิงคโปร์และฮ่องกง ประเทศไทยมีจุดเด่นเรื่อง ความคุ้มค่า การท่องเที่ยว และนวัตกรรมค้าปลีก ที่ช่วยดึงดูดผู้บริโภคและนักลงทุน
การแข่งขันจากศูนย์การค้าหรูในภูมิภาค
ภาษีนำเข้าสินค้าหรูที่สูง
ปัญหาสินค้าลอกเลียนแบบและการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล
เปิดแฟล็กชิพสโตร์และคอมเพล็กซ์หรูมากขึ้น
การค้าปลีกดิจิทัลและ Omni-channel เติบโต
ผู้บริโภคหันมาสนใจ สินค้าแบรนด์หรูที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนโฉมสู่ ผู้นำด้านการค้าปลีกหรูหราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยห้างสรรพสินค้าระดับโลก การท่องเที่ยว และผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างโอกาสให้กับนักลงทุน แบรนด์ และผู้บริโภคในระยะยาว